สรุปสาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาบังคับใช้ State of Alarm ในสเปน

สรุปสาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาบังคับใช้ State of Alarm ในสเปน

วันที่นำเข้าข้อมูล 15 มี.ค. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 793 view

สรุปสาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาบังคับใช้ State of Alarm ในสเปน

1. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2563 รัฐบาลสเปน เห็นชอบพระราชกฤษฎีกา (พรฎ.) ให้บังคับใช้ State of Alarm ทั่วประเทศ โดยมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป 
2. รัฐบาลเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตาม พรฎ. ฉบับนี้ และกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมฯ เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการตาม พรฎ. ฉบับนี้ 
3. พรฎ. กำหนดให้หน่วยงานฝ่ายตำรวจของทั้งประเทศขึ้นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการตรวจสอบคน สถานที่ ยานพาหนะตามความจำเป็น และประชาชนต้องให้ความร่วมมือและไม่ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่  นอกจากนี้ เพื่อความมีประสิทธิภาพของมาตรการเหล่านี้ หน่วยงานผู้มีอำนาจอาจขอให้กองทัพเข้าร่วมการปฏิบัติงานด้วย
4. มาตรการที่จำกัดเสรีภาพของการสัญจร 
4.1 ให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ เพื่อไปซื้ออาหาร ยาหรือสิ่งของจำเป็น ไปพบแพทย์ ไปทำงาน กลับที่พักอาศัย ไปดูแลผู้สูงอายุ/เด็ก/ผู้พิการ/ผู้ต้องการความช่วยเหลือ/บุคคลเปราะบาง  ไปสถาบันการเงินและสถาบันประกันภัย เดินทางเนื่องจากเหตุสุดวิสัยหรือสถานการณ์ที่จำเป็น และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำคนเดียว ยกเว้นการดูแลผู้พิการหรือที่มีเหตุผลอธิบายได้ เท่านั้น
4.2 อนุญาตการสัญจรของยานพาหนะส่วนบุคคลด้วยเหตุข้างต้น และเพื่อไปเติมน้ำมันได้  
4.3 การเดินทางข้างต้นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการของหน่วยงานด้านสาธารณสุข
4.4 อาจสั่งให้ปิดการสัญจรบนท้องถนนได้ด้วยเหตุผลทางสาธารณสุข ความปลอดภัย หรือเพื่อความสะดวกในการจราจร รวมถึงอาจจำกัดการเข้าไปในสถานที่ใด ๆ ของยานพาหนะได้ด้วยเหตุผลเดียวกัน 
5. ผู้มีอำนาจตาม พรฎ. สามารถยึดเอาสิ่งของที่มีความจำเป็นต่อเป้าหมายของ พรฎ. ฉบับนี้ มาใช้เป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะการให้บริการด้านความมั่นคง และระบบสาธารณูปโภคที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงสามารถสั่งการให้บุคคลปฏิบัติหน้าที่ตามความจำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของ พรฎ. ฉบับนี้ 
6. หากสามารถทำได้ นายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องอำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างสามารถทำงานจากที่บ้านได้ 
7. งดกิจกรรมการศึกษาทุกระดับทั้งในสถาบันของรัฐและเอกชนที่ผู้เรียนต้องเข้าชั้นเรียน และให้จัดระบบการเรียนทางไกล หากทำได้
8. ปิดร้านค้ารายย่อย (ยกเว้นซุเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา เป็นต้น) หรือสถานที่อื่น ๆ ที่ทางการเห็นว่าเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ สำหรับห้างร้านที่เปิดให้บริการได้ ต้องเป็นไปเพื่อให้ประชาชนสามารถซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็น  โดยไม่อนุญาตให้มีการบริโภคในสถานที่ดังกล่าว และให้หลีกเลี่ยงการรวมตัวของคนจำนวนมาก โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างประชาชนผู้ซื้อ/พนักงาน ไม่ต่ำกว่า 1 เมตร
9. ปิดสถานที่สำหรับเปิดการแสดง โรงภาพยนตร์ คาสิโน ศูนย์วัฒนธรรมและศิลปะ กิจกรรมกีฬาและบันเทิง สวนสัตว์ สวนสนุก บาร์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ (แต่สามารถเปิดให้บริการแบบส่งถึงบ้านได้) และระงับกิจกรรมพาเหรด และงานเทศกาลท้องถิ่น 
10. พิธีกรรมทางศาสนาและ civil จัดได้ (งานศพ งานแต่งงาน) แต่ต้องเลี่ยงการชุมนุมของคน และให้มีที่ว่างระหว่างผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 1 เมตร
11. ให้บุคลากรด้านสาธารณสุขทั่วประเทศขึ้นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุข อาจใช้เครื่องมือด้านสาธารณสุขของทั้งพลเรือนและทหาร และของทั้งภาครัฐและเอกชนในการปฏิบัติงานได้  
12. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สามารถสั่งให้มีการสำรองอาหารให้เพียงพอและสามารถเข้าไปแทรกแซงอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตยาได้เป็นการชั่วคราว สามารถยึดทรัพย์ทุกประเภทและสั่งให้บุคคลปฏิบัติงานที่จำเป็นต่อการสาธารณสุข ภายใต้บริบทวิกฤตครั้งนี้
13. สำหรับระบบขนส่งสาธารณะภายในประเทศ การขนส่งสินค้าทางรถไฟยังคงดำเนินไปปกติ ขณะที่ การขนส่งมวลชนทางรถไฟระยะกลาง การขนส่งทางบก ทางอากาศและทางเรือ ลดปริมาณการให้บริการลงร้อยละ  50  (ยกเว้นการขนส่งทางบก ทางรถไฟ ทางเรือ ที่ขึ้นกับแคว้นให้บริการตามปกติได้ โดยรัฐบาลแคว้นอาจกำหนดสัดส่วนหรือเงื่อนไขการให้บริการตามที่เห็นเหมาะสม ทั้งนี้ ผู้ให้บริการต้องทำความสะอาดยานพาหนะทุกวัน บนบัตรโดยสารที่จะขายต้องมีข้อความชัดเจนว่า ไม่แนะนำให้เดินทางยกเว้นกรณีหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น สำหรับการเดินทางที่มีการระบุที่นั่งหรือตู้นอนต้องกำหนดให้มีที่ว่างระหว่างผู้โดยสารที่เพียงพอ นอกจากนี้ ผู้มีอำนาจตาม พรฎ. สามารถกำหนดมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการขนส่งสาธารณะระบบรวมเพื่อเหตุผลด้านสาธารณสุขได้ตามความเหมาะสม
14. ให้มีมาตรการเพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณการสำรองอาหารที่เพียงพอ  โดยรัฐบาลอาจเข้าแทรกแซงการดำเนินกิจการของเอกชนเพื่อให้เป็นไปตามวัตุประสงค์ดังกล่าวได้ 
15. ผู้มีอำนาจตาม พรฎ. สามารถกำหนดมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกทางศุลกากรให้กับสินค้านำเข้าที่เป็นสิ่งของจำเป็น
16. ผู้มีอำนาจตาม พรฎ. สามารถดำเนินมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าการให้บริการไฟฟ้า พลังงาน  รวมถึงระบบสาธารณูปโภคที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งและที่จำเป็น ดำเนินไปได้ตามปกติ
17. สื่อมวลชนต้องให้ความร่วมมือในการนำเสนอข่าวหรือข้อมูลที่ผู้มีอำนาจตาม พรฎ. และ/หรือรัฐบาลแคว้นเห็นว่ามีความจำเป็นต้องเผยแพร่
18. การไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนคำสั่งของผู้มีอำนาจในสถานการณ์ State of Alarm มีโทษตามกฎหมาย 
19. สมาชิกคณะทูตต่างประเทศได้รับการยกเว้นเกี่ยวกับการจำกัดเสรีภาพในการสัญจร ทั้งในสเปน ประเทศต้นทางและประเทศที่ตน accredit เมื่อเป็นการเดินทางเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นทางการ
20. ระงับเงื่อนไขและระยะเวลาตามกฎหมายวิธีสบัญญัติ (Procedural Law) สำหรับการพิจารณาความทุกคดี ไปจนกว่า พรฎ. ฉบับนี้จะถูกยกเลิก แต่ไม่ครอบคลุมถึงการดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวกับปฏิบัติการฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลเรือนจำ หรือมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก และไม่คลอบคลุมการดำเนินการเพื่อปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานส่วนบุคคล การดำเนินการเรื่องข้อขัดแย้งหมู่คณะและเสรีภาพของหมู่คณะ การให้อำนาจทางศาลสำหรับการกักขังโดยไม่สมัครใจเนื่องจากอาการทางจิต การให้ความคุ้มครองผู้เยาว์ อย่างไรก็ดี ผู้พิพากษาหรือศาลมีอำนาจตัดสินใจดำเนินคดีตามกฎหมายหากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น เพื่อป้องกันความเสียหายของสิทธิและผลประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้อง
21. ระงับเงื่อนไขและระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ในส่วนของการดำเนินการตามกฎหมายของภาครัฐ ไปจนกว่า พรฎ. ฉบับนี้จะถูกยกเลิก อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่มีอำนาจสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันความเสียหายขั้นร้ายแรงต่อสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ร้องในการพิจารณาความได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ร้องก่อน
22. ให้ระงับการสิ้นสุดการกระทำและสิทธิใด ๆ ไว้ก่อน ระหว่างที่ พรฎ. นี้มีผลใช้บังคับ
23. การปฏิบัติงานของกองทัพ ให้ถือเป็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
24. มาตรการที่แคว้นต่าง ๆ บังคับใช้ เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อ ยังคงมีผลบังคับใช้ตราบที่สอดคล้องกับ พรฎ. ฉบับนี้